ประภาคารกาญจนาภิเษกแหลมพรหมเทพ : ประภาคารกาญจนาภิเษก เป็นประภาคารที่ชาวภูเก็ตและกองทัพเรือร่วมกันสร้างถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในปีกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539 มีความสูง 50 เมตร หมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปี เส้นผ่าศูนย์กลางฐานกว้าง 9 เมตร หมายถึงรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี แสงไฟของประภาคารมองเห็นได้ไกล 39 กิโลเมตร ซึ่งก็หมายถึงปีกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539 โดยเหนือทางเข้าด้านหน้ามีตราสัญลักษณ์ปีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ส่วนด้านข้างตราสัญลักษณ์ประดับธงชาติ สำหรับยอดของประภาคารแห่งนี้ มีการออกแบบ โดยการนำลักษณะสำคัญของตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มาประดิษฐานไว้ ประกอบด้วย พานเครื่องสูง 2 ชั้น เป็นที่ตั้งดวงประทีป หรือตะเกียงประภาคารที่ส่องสว่างรอบทิศเปรียบประดุจพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์อันแผ่ไพศาลทั่วแผ่นดิน ตะเกียงประภาคารอยู่ภายใต้เศวตฉัตร 9 ชั้น ช้าง 3 เชือกเทินดวงประทีปอยู่ภายใต้เศวตฉัตร 7 ชั้น ประภาคารแห่งนี้ยังใช้เป็นเครื่องหมายในการเดินเรือ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญแห่งท้องทะเลอันดามัน โดยชั้นล่างภายในเป็นห้องกระโจมไฟ และห้องนิทรรศการ ซึ่งจะจัดแสดงนิทรรศการทางอุทกศาสตร์ ให้ความรู้เรื่องประภาคารและกระโจมไฟ รวมถึงแสดงแบบจำลองของประภาคารและกระโจมไฟที่สำคัญ เช่น กระโจมไฟชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประภาคารตากใบ ประภาคารอัษฎางค์ ฯลฯ พร้อมมีป้ายบรรยายประวัติความเป็นมาของประภาคารและกระโจมไฟ ตัวอย่างเครื่องวาบหรือไฟวับวาบ ตะเกียงน้ำมันที่ใช้ในกระโจมไฟ ตะเกียงไฟฟ้าแบบต่าง ๆ ส่วนภายในประภาคารมีบันไดโค้งครึ่งวงกลมจากห้องแสดงนิทรรศการชั้นล่างขึ้นไปยังชั้นบนของประภาคาร และจากชั้นบนสามารถเดนออกไปยังดาดฟ้าเพื่อชมวิวทิวทัศน์ของแหลมพรหมเทพโดยรอบได้
แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต จัดเป็นหนึ่งในจุดชมอาทิตย์อัสดงที่สวยที่สุดในเมืองไทยเพราะเป็นแหลมที่อยู่ใต้สุดของเกาะภูเก็ต มีลักษณะเป็นแหลมโค้งไล่ระดับทอดตัวสู่ท้องทะเล โดยรอบข้างแวดล้อมด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกอยู่เรียงรายและต้นหญ้าที่พัดพลิ้ว ด้านขวาเป็นหาดในหานและเกาะมัน ส่วนด้านซ้ายจะมองเห็นหาดในยะซึ่งเป็นหาดเล็ก ๆ
วันไหนฟ้าเปิด เมฆเป็นใจ เมื่อไปยืนยังจุดชมวิวแหลมพรหมเทพก็จะเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนคล้อยลอยต่ำ ท่ามกลางแสงสีทองเหลืองอร่ามที่สาดส่องต้องผิวน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ หลังจากนั้นไม่นานพระอาทิตย์ดวงกลมโตจะเข้าสู่สภาวะสีแดงสด หรือที่หลายๆคนเรียกว่า“ไข่แดง” ก่อนจะลอยหายไปในกลีบเมฆ หรือลอยตกน้ำจมหายไปในน้ำทะเลสีมรกต ที่มีเกาะ แหลม และเรือแล่นผ่านไป-มา ช่วยเติมเต็มในความงาม แล้วแต่สภาพอากาศของแต่ละวัน
จุดเด่น : ห้องแสดงนิทรรศการ ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับเรือหลวงจำลอง พร้อมประวัติของเรือแต่ละลำ เช่น เรือหลวงสุริยะ เรือหลวงศุกร์ เรือหลวงจันทร ฯลฯ
เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06:00-18:00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
ที่ตั้ง : แหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
แสงสุดท้ายที่แหลมพรหมเทพ
แหลมพรหมเทพ – ภูเก็ต (Phuket Trip #1)
เที่ยวทำไมไทยแลนด์ ตอน : ประภาคารกาญจนาภิเษก & แหลมพรหมเทพ
พมชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่แหลมพรหมเทพ
ป้ายบอกตำนาน ตำนานแหลมพรหมเทพ
ECO Tourism : จุดชมวิวแหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต